free web counter

           อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา (8 ตุลาคม พ.ศ. 2483) วิศวกรชาวไทย ผู้เคยเป็นลูกทีมจำลองแบบชิ้นส่วนระบบลงจอดของงานอวกาศในบริษัทคู่สัญญาของมาร์ติน มาเรียทต้า (ปัจจุบันได้ควบรวมกิจการกลายเป็นบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน) ซึ่งเป็นผู้สร้างยานอวกาศไวกิ้งให้กับองค์การนาซาของสหรัฐอเมริกาเพื่อนำไปใช้ในภารกิจสำรวจดาวอังคาร[2] เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคพลังธรรม และ เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสัตยาไสที่ดำเนินการตามแนวทางความเชื่อของตนเอง

ประวัติ
           อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มีชื่อเล่นว่า "เอ๊ะ" เกิดที่วชิรพยาบาล เป็นบุตรคนที่สองของหม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย กับเฉลิมขวัญ ชุมสาย ณ อยุธยา (ธิดาของพระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) มีพี่น้องร่วมบิดามารดา คือ
           สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา
           สุชาดา สถิตพิทยายุทธ์
           จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา
           เมื่อแรกเกิด อาจอง มีชื่อว่า องอาจ เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทโว) ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น อาจอง ศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล จนจบชั้น ประถม 4 แล้วย้ายไปศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นเวลา 6 เดือน ต่อมาย้ายตามบิดาไปอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ศึกษาที่ Lycée Janson de Sailly จนอายุ 12 ปี ได้ย้ายไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ ที่ Enfield Grammar School และ Haileybury and Imperial Service College
           ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่วิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ระหว่างศึกษา เริ่มมีความสนใจในพระพุทธศาสนาและเริ่มฝึกหัดการนั่งสมาธิ อาจองจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมเครื่องกล ศึกษาต่อปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยลอนดอน จนจบปริญญาเอกในปี พ.ศ. 2509 โดยมีผลงานวิจัยเกี่ยวกับคลื่นไมโครเวฟแล้วจึงเดินทางกลับประเทศไทย เป็นอาจารย์สอนที่ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึงปี พ.ศ. 2516 จึงลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว
           หลังจากนั้นได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา ทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทรับเหมาช่วง ของบริษัทมาร์ติน มาริเอทต้า (ปัจจุบัน คือ ล็อกฮีด มาร์ติน) ซึ่งเป็นคู่สัญญาหลักกับนาซาในการสร้างยานไวกิงสำหรับสำรวจดาวอังคาร โดยอาจองได้เล่าว่าได้รับมอบหมายให้เขียนโปรแกรมจำลองการลงจอดบนดาวอังคารจากบริษัท และได้ค้นพบวิธีการแก้ปัญหาจากผลของการนั่งสมาธิบนยอดเขา หลังจากส่งงานให้บริษัทแล้ว อาจองได้ลาออกจากบริษัททันทีและเดินทางกลับประเทศไทย โดยไม่ทราบว่าผลงานจากแบบจำลองคอมพิวเตอร์ของตนเองได้ถูกนำไปใช้งานต่อหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างระบบลงจอดดาวอังคารที่ใช้งานจริงในยานไวกิ้งซึ่งสร้างโดยบริษัทมาร์ติน มาเรียทต้า  หลังจากยานไวกิ้ง ทำภารกิจลงจอดบนดาวอังคารเป็นผลสำเร็จ ในปี พ.ศ. 2519 อาจองได้ให้สัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ในประเทศไทยว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการออกแบบระบบลงจอดของยานไวกิ้ง และได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์คนหนึ่งของประเทศไทย
           ปี พ.ศ. 2558 ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

งานการเมือง
           อาจองเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคพลังธรรม สมัยที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค เคยร่วมงานกับพรรคนำไทย และได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการพรรค และ เคยตั้งพรรคการเมืองขนาดเล็กของตัวเองแต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง จนกระทั่งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2549 ได้รับเลือกตั้ง แต่ยังไม่ทันได้ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการก็เกิดรัฐประหารเสียก่อน
           ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มีศรัทธาต่อแนวทางปฏิบัติของสัตยา ไส บาบา เป็นผู้ก่อตั้งและอำนวยการโรงเรียนสัตยาไสในประเทศไทย ซึ่งมีเครือข่ายใน 35 ประเทศ เน้นเรื่องคุณธรรมและการปฏิบัติธรรมตามแบบของสัตยา ไส บาบา โรงเรียนสัตยาไสเป็นโรงเรียนเอกชน ไม่คิดค่าเล่าเรียน แต่มีค่าใช้จ่ายเทอมละ 10,000 บาท

ผลงานภาพยนตร์
           ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา แสดงภาพยนตร์ไทยสองเรื่อง คือ ข้างหลังภาพ (ภาพยนตร์ปี พ.ศ. 2544) แสดงเป็น เจ้าคุณอธิการบดี และ มายเบสท์บอดี้การ์ด แสดงเป็น ผู้พันนทีการเตือนภัยพิบัติและพลังพีระมิด
           อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มักปรากฏชื่อในสื่อในการเตือนภัยพิบัติ เช่น การเตือนภัยภัยพิบัติแผ่นดินไหวจากพายุสุริยะ และจะทำให้เกิดสึนามิเข้าประเทศไทยในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555 - เดือนมกราคม พ.ศ. 2556[11] วิธีการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอาจทำได้ด้วยการจูนจิต ทำสมาธิ ซึ่งขัดกับข้อมูลของนาซาทั้งเวลาที่เกิดซึ่งจะอยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2557 และข้อบ่งชี้ขนาดผลกระทบของพายุสุริยะที่จะเกิดต่อโลกได้[13] นอกจากนี้ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ยังมีความสนใจในพลังของรูปทรงพีระมิดเป็นอย่างมาก โดยในการบรรยายที่บ้านสวนพีระมิดในกิจกรรมเข้าค่ายหนีกรรมผิวพรรณ รุ่นที่ 1 ในวันที่ 23 - 25 มกราคม 2553 ได้บรรยายคุณสมบัติของรูปทรงพีระมิดต่อการป้องกันการเน่าสลายของศพ รักษาอาหาร รวมไปถึงสมบัติของพลังที่จะทำให้คลายเครียดได้